แดนปลาดิบ สวรรค์ของคนไทยจริงหรือ? ตอนการทำงานที่ญี่ปุ่น

ตอนการทำงาน





จนมาถึงตอนนี้ตัวเองก็มีประสบการณ์การทำงานที่ญี่ปุ่นไป 2 ปีแล้ว เราทำงานเกี่ยวกับ IT/Programmer ที่ญี่ปุ่น แต่เรามาอยู่บริษัทที่เป็น Outsource แล้วบริษัทก็จะส่งเราไปทำงานกับบริษัทลูกค้าอีกทีนึง แต่ด้วยความ งงๆ ก็เลยได้โอกาสอยู่ที่บริษัทลูกค้ามาตลอด 1.9 ปี ส่วนอีก 3 เดือนที่หายไปคืออยู่บริษัทต้นสังกัด ใช้เวลาเรียนภาษาญี่ปุ่น ฝึกมารยาท การเขียนเมล เพื่อให้พร้อมกับการไปทำงานที่บริษัทลูกค้ารู้สึกเวลาผ่านไปเร็วมากกก ตลอด 2 ปีนี้คือมีเรื่องให้เครียดให้สุขกันทุกเดือนแบบไม่ซ้ำเดิมเลย จึงอยากแชร์ถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาว่า การทำงานกับคนญี่ปุ่น(กรณีเรา)เป็นยังไงบ้าง

ซึ่งขอเกริ่นก่อนว่าทั้งหมดนี้ แต่ละคนประสบการณ์ต่างกันแน่นอน ซึ่งเราก็ขอแชร์ที่เราได้พบเจอมานะ

・เครียดไหม/กดดันไหม?
ตอบตามความจริงคือเครียด ฮ่าๆ แต่เรารู้สึกว่าทุกการทำงานมันมีความเครียด ความกดดันหมดแหละ ที่เราเครียดเพราะต้อง 納品 (ส่งมอบงาน) กันทุกเดือน แล้วแต่ละเดือนลูกค้าก็จะมีกำหนดมาแล้วว่าอะไรต้องเสร็จบ้างๆ ซึ่งถ้าใครทำงานสายคอมน่าจะเข้าใจว่า ตารางงานที่ถูกวางอย่างดีมักถูกทำลายด้วย Bug ... เจอที่ก็หัวร้อน โอทีไม่เว้นวันกันไปเลย 

・内/外 มีจริงหรือ?
ต้องเกริ่นก่อนเผื่อผู้อ่านอาจจะงง 内/外 (uchi/soto) มักจะถูกร่ำลือกันว่าคนญี่ปุ่นจะมีการแบ่งคนในชาติตัวเองและชาวต่างชาติออกอย่างชัดเจนทำให้การแสดงออกบางอย่างมันต่างกัน ถ้าถามว่าจริงไหม อันนี้จากที่พบเจอมาคิดว่าจริงนะ แต่พอมาสัมผัสจริงเราว่ามันไม่ใช่เหตุผล "คลั่งชาติ" อ่ะ ต้องบอกก่อนว่าคนญี่ปุ่นถึงไม่ใช่ทุกคน แต่ส่วนใหญ่จะมีความขึ้เกรงใจและขี้กลัวอยู่ในระดับหนึ่ง และก็น่าจะรู้กันว่าเป็นประเทศที่แทบจะไม่ใช้ภาษาอังกฤษเลย ทำให้มีความไม่กล้าคุยกับชาวต่างชาติสูงมากกก ถ้าพูดกันเป็นกรณีๆ คือถ้าไปเจอผู้ใหญ่ที่เติบโตมาแบบสมัยก่อนคือ ภาษาต่างชาติไม่แพร่หลาย ไม่ได้เปิดใจขนาดนั้นกรณีของการแบ่งชาตินั้นก็จะพบเจอได้ไม่ยาก แต่ถ้าเป็นกรณีเด็กรุ่นใหม่ ที่อยู่ในยุคที่มีการไปเรียนหรือแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศกันอย่างแพร่หลายนั้น ปัญหานี้ก็ไม่ค่อยจะเจอซักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ใช่แค่สองเคสนี้เท่านั้นนะ คือมันมีหลายเงื่อนไขที่คนๆนึงจะมีความคิดแบบนั้นแบบนี้ แต่เอาจริงๆถ้าไม่อยากอยู่ในความรู้สึกที่ว่าทำไมฉันเป็นคนนอกละก็ วิธีแก้ก็แค่พยายามเข้าใจภาษาและวัฒนธรรมของเขา รับรองคุยกันมันส์แน่นอน คือเอาจริงๆคนประเทศนี้ถ้าเปิดใจเขาได้ ที่เหลือมันไม่ยากเลย เปิดใจในที่นี้คือทำให้เขาไม่ต้องกังวลเวลาอยู่กับเรา //ซึ่งก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะ แหะๆ

・ทำงานหนัก?
อย่างเช่น งานของเราจะถูกวางตารางงานไว้ทุกๆเดือน ถ้าทำไม่เสร็จก็ต้องอยู่โอทีทำกันให้เสร็จ ไม่งั้นบริษัทอาจจะโดนปรับได้ ละก็ยังมีกฎระเบียบเรื่องความปลอดภัยของลูกค้า ที่ทำให้เราต้องทำงานได้เฉพาะที่บริษัทเท่านั้น วันหยุดก็คือหยุด ไม่สามารถเอางานหรือข้อมูลงานกลับบ้านได้ ถ้ากรณีที่งานไม่เสร็จก็อาจจะต้องไปทำงานที่บริษัทให้เสร็จในวันหยุด เอาจริงถามว่าเขาอยากทำงานหนักไหม? ไม่เลย แต่เพราะงานคือเงินแค่นั้นแหละ

・ความโหดของความรับผิดชอบงานตัวเอง
มันก็ไม่ได้โหดร้ายแบบปล่อยเราลอยแพรเพียงคนเดียวในมหาสุมทรนะ ทุกคนทำงานเป็นทีมคือถ้าเราทำไม่เสร็จทำไม่ได้ ก็ต้องรีบรายงานหัวหน้า เขาจะเข้ามาช่วยเขามาดู เขาไม่ได้ปล่อยให้เราลอยไปคนเดียวเด้อ คือมันก็จะมีกรณีที่แบบไม่ได้จริงๆ อาจจะด้วยเรื่อง ENV ของงาน (version, security, ...) ที่มันใช้ไม่ได้กับคอมตัวเองหรืออื่นๆใดๆ เขาไม่ได้โกรธถ้าเราทำไม่ได้นะ เขาแค่ต้องการเหตุผลว่าทำไม? ถ้าเราตอบได้ เขารับรู้ ทุกคนช่วยกันแล้วแก้ไม่ได้จริงๆ เขาก็แค่เอาเหตุผลนี้ไปรายงานลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนแผนการ 

・HoRenSo สำคัญสุด
 報告 連絡 相談 / รายงาน สื่อสาร ปรึกษา
จากด้านบนทั้งหมดทำให้กฏข้อนี้สำคัญมาก จริงๆมันไม่ใช่แค่ในญี่ปุ่นหรอก การทำงานทั่วโลก สิ่งเหล่านี้ค่อนข้างสำคัญ เพราะการทำงานเราไม่ได้ทำคนเดียว เรามีทีม มีแบบแผน มีกำหนดของงาน เราไม่แน่ใจว่า HoRenSo นั้นเหมือนหรือต่างกับ Scrum หรือระบบอื่นๆหรือเปล่า แต่เราคิดว่ามันคงมีความคล้ายกันบ้างแหละ เพราะมันคือการทำงานกันเเป็นทีมเพื่อทำให้งานไปถึงเป้าหมายได้ดี และมีคุณภาพ

การรีวิวการทำงานเอาจริงๆ ประสบการณ์แต่ละคนมันต่างกันแน่นอน ต่างสายงาน ต่างสถานที่แต่แน่นอนว่าทุกคนโตขึ้นแน่นอนจากการทำงาน ไม่ว่าจะงานแบบไหนมันมีความยากของมันอยู่แล้ว และเราก็เป็นแค่ 1คน ที่แชร์เรื่องราวการทำงานของตัวเองเท่านั้น และคุณละเคยรีวิวการทำงานของตัวเองให้ตัวเองฟังหรือเปล่า บางที่เราอาจจะได้เรียนรู้จากมันอีกครั้งก็ได้นะ #

Comments